Thailand


เหตุการณ์ 14 ตุลา 16 นี่คือ ประวัติศาสตร์ที่อย่างให้ใครมาบิดเบือน - ดูวิดีโอทั้งหมด กดที่นี่
14 ตุลา (ประวัติศาสตร์ที่อย่าให้ใครมาบิดเบือน) บุกยึดเอ็นบีทีช่วงเช้า แอบถ่ายไว้ได้
บุกยึดNBTที่สามารถหลอกแอบถ่ายได้ - ดูคลิปทั้งหมด คลิกที่นี่
อยากให้วันนี้ และ ทุก ๆ วัน เป็นวันแห่งความรัก
รักกันไว้เยอะ ๆ นะคะ
ขออภัยหากนำรูปมาโพสท์โดยไม่ได้ขออนุญาติคะ ขอบคุณคะ

วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2551

แก๊สน้ำตา สลายม็อบพันธมิตร กระเจิง (การบิดเบือนของมุมภาพ)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 18.30 น. วันนี้ นายวัชระ เพชรทอง ขึ้นปราศรัยปลุกกระแสกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โจมตีการทำงานของตำรวจนครบาล ขณะนั้นได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นกว่าจากเดิมกว่า 5,000 คน โดยนายวัชระ สั่งให้ผู้ชุมนุม ถอยออกมาจากประตูรั้วเหล็กคนละหนึ่งก้าว เพื่อเตรียมความพร้อม ยั่วยุให้ผู้ชุมนุมบุกเข้าไปในบช.น. เพื่อทวงทรัพย์สินและข้าวของโทรศัพท์มือถือที่ตำรวจยึดมาจากผู้ชุมนุม ต่อมานายการุณ ใสงาม หนึ่งในแกนนำ ขึ้นเวทีปราศรับสั่งให้ผู้ชุมนุมเดินชิดเข้ามาที่ประตูรั้วเหล็ก เพื่อประลองกำลัง โดยให้ผู้ชุมนุมทุบประตูรั้วเหล็กจนเสียงดังก้องไปทั่ว หลังจากนั้น ได้บอกกับผู้ชุมนุมเตรียมตัวให้พร้อมจะบุกเข้าไปใน บช.น. ให้รถพยาบาลเตรียมรับผู้บาดเจ็บ ขณะนั้นตำรวจที่ประจำอยู่ในกองบัญชาการตำรวจนครบาล 3 กองร้อย 450 นายได้ประชิดเข้ามาติดประตูรั้วด้านในกันทั้งหมด ป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุมพังประตูเข้ามา แกนนำได้ให้สัญญาณนับถอยหลัง เป็นจังหวะ เริ่มจาก 10 , 9 …….จนถึง 1 ขณะนั้นได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น มีเสียงคล้ายปืนดังขึ้นมา 3 นัด ซึ่งคาดว่าจะเป็นเสียงประทัดและมีควันสีขาวกระจายออกมาจากบริเวณหน้ารถเครื่องขยายเสียง จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นหลายนัดติดต่อกันกว่า 5-6 นัดจากบริเวณที่มีการชุมนุม ขณะที่ตำรวจอยู่ด้านในมีเพียงโล่กำบังและกระบอกเท่านั้น



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำได้สั่งให้ผู้ชุมนุมหมอบลงกับพื้น และ ได้ตะโกนว่าตำรวจยิงปืนออกมานอกรั้ว จากนั้นก็มีเสียงระเบิดดังกึกก้องอยู่ที่กลางกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณด้านประตูรั้ว 1 ลูก บนรถเครื่องขยายเสียง 1 ลูก และดังต่อเนื่องกันไปทั่วบริเวณรวม 11 ลูก ทำให้ผู้ชุมนุมหนีตายกันอย่างอลหม่าน ซึ่งคาดว่า จะเป็นระเบิดแก๊สน้ำตา บรรยากาศนิ่งสงบไปประมาณ 2 นาที บริเวณถนนศรีอยุธยา หน้าบช.น. ต่างไม่มีผู้ชุมนุมอยู่ขณะนั้นมีผู้บาดเจ็บอยู่หลายราย กระทั่งรถพยาบาลวิ่งเข้ามาร่วมผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาลวัชรพยาบาล เหตุการณ์ครั้งนี้ผู้สื่อข่าวในบช.น.ต่างยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ใช้ระเบิดแก๊สน้ำตายิงเข้าไปกับผู้ชุมนุม อาจมีผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์ บางกลุ่มยังวิจารณ์กันว่า ตำรวจเป็นคนทำจนทำให้เกิดความสับสน จากนั้น เหตุการณ์เริ่มชุลมุน มีระเบิดควันเข้ามาใน บช.น.ประมาณ 2 นัดทำให้ตำรวจที่อยู่ริมรั้วด้านในนอนหมอบลงกับพื้น พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. สั่งเสริมกำลังจากหน่วยอรินทราช 26 รถดับเพลิง ตำรวจปราบจราจล เสริมกำลังเป็นเท่าตัว เข้าระงับเหตุจนสถานการณ์คลี่คลายลง



หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบก.หัวหน้าสำนักงาน ผบช.น.ได้เข้าไปเจรจากับนายสุรชัย ไม้งาม หนึ่งในแกนนำ ตกลงกันว่า กลุ่มพันธมิตรยอมถอนกำลัง พร้อมกับประกาศว่าพื้นที่ บช.น.ไม่ใช่เป้าหมายหลัก ผู้ชุมนุมมีเป้าหมายหลักอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นแกนนำได้เคลื่อนรถเครื่องขยายเสียงกับไปที่ทำเนียบรัฐบาล ต่อมา พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.นง 1 ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงเพื่อให้ผู้ชุมนุมเข้าใจว่า ตำรวจมีหน้าที่รักษากฎหมาย ดูแลคุ้มครองทรัพย์สินของทางราชการ ถึงแม้ว่า จะต้องสละชีวิตเพื่อรักษาฐานที่ต้องก็ต้องยอมทำ ขณะเดียวกันก็ประกาศให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ให้ทำงานอย่างเข้มแข็ง อย่างละมุนละม่อม จากนั้นตำรวจได้เปิดเพลงมาร์ทตำรวจ โดยเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานกว่า 500 นายต่างส่งเสียงร้องตามและเคาะโล่และกระบอกกันเป็นจังหวะ และร้องตะโกนว่า สู้ สู้



ต่อมาเวลา 20.20 น. พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ โฆษก บช.น. แถลงข่าวยืนยันว่าตำรวจไม่ได้เป็นคนปฏิบัติการณ์กับเหตุการณ์ครั้งนี้ กำลังที่อยู่เป็นการรักษาสถานที่เท่านั้นเอง ไม่มีกำลังชุดปฏิบัติการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ยืนยันไม่ได้เป็นผู้ปาแก๊สน้ำตา ใครจะเป็นผู้ดำเนินการก็ไม่ทราบ ท่านผู้บัญชาการตำรวจนครบาลยืนอยู่ด้วยยังแสบตาเลย ยังไม่ระบุว่ามีมือที่ 3 อาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง ตำรวจถอยทุกอย่างแล้ว เราเพียงแต่รักษาที่ตั้ง ขอให้ผู้ชุมนุมกันอย่างปกติดีกว่า อย่ากดดันตำรวจ ขอวิงวอนและขอร้องผู้ชุมนุมด้วย ตำรวจจะรักษาที่ตั้งไว้สุดชีวิต จะทำเพียงกันผลักดันเท่านั้น พร้อมกันนี้ได้นำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกระเบิดควันจากผู้ชุมนุมโยนใส่จนชุดเครื่องแบบเลอะเทอะให้สื่อมวลชนดู ขณะเดียวกัน ผบช.น. ซึ่งเดินมาสังเกตการณ์กล่าว ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า " คุณดูเอาเองก็แล้วกันว่าใครทำ ขนาดผมไปยืนสังเกตการณ์ด้านล่างยังแสบตาเลย"


เครดิต : http://blog.eduzones.com/entertain/8899

วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2551

PM turns to military top brass for protection

The strategy adopted yesterday by Prime Minister Samak Sundaravej to ward off the threat against his rule from the People's Alliance for Democracy (PAD) was simple, but risky.

The prime minister took the unexpected step of surrounding himself with the military top brass at the Supreme Command.

A military source revealed that Mr Samak phoned Supreme Commander Gen Boonsrang Niempradit around 8am after being told that PAD supporters would try to seize control of Government House and several ministries to pressure the prime minister and his cabinet to step down.

Gen Boonsrang was asked to arrange a meeting room for the cabinet at the Supreme Command at 9am. A room on the fourth four of the Supreme Command's main building was then vacated and re-arranged as a meeting place for the cabinet as requested.

The prime minister's decision to stay inside the barracks came despite a strong rumour on Monday night that a military wing, led by First Army chief Lt-Gen Prayuth Chan-ocha, was planning to stage a coup and overthrow the government.

Mr Samak asked both Army chief Gen Anupong Paojinda and Lt-Gen Prayuth to be by his side all day yesterday and used the command centre as a base to deal with the PAD attacks against his administration, the source said.

Mr Samak took a big risk by putting his trust in Gen Anupong he would not be back-stabbed if he stayed inside the barracks which could have made him an easy target if the army had opted for a coup, an observer noted.

The prime minister, who is also the defence minister, rewarded them for the protection within hours yesterday by quickly approving the military reshuffle list.

The reshuffle list was discussed on the sixth floor of the building immediately after the cabinet meeting, which ended at 2pm. Normally, at least 30 minutes are spent on discussing the list, but this time the prime minister approved the list within 10 minutes without making any changes.

Mr Samak told the armed forces chiefs that he respected their decisions as he believed they knew their forces better than anybody else, according to Gen Boonsrang.

Many military leaders were themselves surprised at the quick end of the meeting, as it has taken days in previous years to finalise the list due to heavy internal lobbying.

Details were not unveiled after the meeting.

Earlier, Mr Samak reportedly planned to propose that Gen Anupong also hold the post of supreme commander as Mr Samak disagreed with Gen Boonsrang that his deputy Gen Montri Sangkhasap be nominated to succeed him.

But Gen Anupong refused to take up the post, reasoning that he would find the workload too heavy, and said many other senior officers were qualified for the job, another military source added.

The source said Gen Boonsrang would likely be succeeded by Gen Songkitti Chakkabat, chief-of-staff of the Supreme Command, instead of Gen Montri.

But pleasing the military leaders by leaving the list untouched was no guarantee that he would not face a coup. If the situation worsens, the army will be left with no choice and could take that very step to restore the stability of the country, another observer said.


http://www.bangkokpost.com/270808_News/27Aug2008_news03.php


Thousands of demonstrators storm seven state agencies

Thousands of members of the People's Alliance for Democracy yesterday stormed into seven agencies, including Government House, as the PAD tried to bring the government of Prime Minister Samak Sundaravej to its knees.

''All the agencies being raided are symbols of the corrupt state mechanism,'' said PAD co-leader Sondhi Limthongkul.

The six main targets were NBT television station, the Finance and Transport ministries, the Public Relations Department, the Metropolitan Police Bureau head office and Government House.

The demonstrators first burst into the NBT, followed by the Finance Ministry, where they broke through the three-metre-high iron gate and then took over the ministry's compound.

Officials were ordered to go home. Office buildings were then locked, except for the canteen and some toilets for the demonstrators.

At the Transport Ministry, about 2,000 PAD supporters climbed over the fence and took over the hall of the ministry's main building.

Another group entered the Agriculture and Cooperatives Ministry, but only to use the toilets.

Protesters also raided the city police headquarters, where they suspected a temporary studio had been set up for the NBT.

PAD coordinator Suriyasai Katasila said that by taking over the agencies they were sending a message to the government that it could no longer work and that Mr Samak should resign.

He denied the PAD was trying to provoke violence or instigate another coup.

They would not support another coup if it was just like the previous ones, Mr Suriyasai said.

Kittichai Saisa-ad, a key PAD supporter and member of the Provincial Electricity Authority labour union, said electricity and water supplies could be cut off to government agencies to increase the pressure on Mr Samak.

http://www.bangkokpost.com/270808_News/27Aug2008_news04.php

Bail denied for NBT break-in suspects

Protesters lay siege to 'govt mouthpiece'

ANUCHA CHAROENPO


The Criminal Court last night denied bail to 82 suspects arrested for breaking into state-owned television station NBT early yesterday morning. The suspects are all said to be supporters of the anti-government People's Alliance for Democracy (PAD) and were led by Thanet Khamchum, 43. There are 78 men and four women. Three are juveniles.

Police from Sutthisan station charged them all with colluding with more than two armed associates in breaking into premises at night, colluding with more than five armed associates in forcing others to take or not to take certain actions by threatening to harm them, possessing firearms and bullets without permission, and carrying firearms in a city area or on public roads without permission.

The suspects are each liable to a maximum five-year jail term and/or a fine of up to 10,000 baht.

The Court denied bail for all suspects on the basis they are accused of committing violent crimes.

Police also opposed their bail applications, saying they feared the suspects might commit other violent crimes later if allowed to leave.

The arrested male suspects were sent to Bangkok Special Prison and the women to the Central Correction Facility. Juvenile suspects were sent to Ban Metta reception home for children and youths.

The 82 suspects, mostly wearing the PAD's trademark yellow T-shirts with black jackets and masks, allegedly spearheaded the raid on the NBT premises on Vibhavadi Rangsit road about 5am yesterday. The raiders demanded NBT staff stop broadcasting and damaged property in the building.

PAD coordinator Suriyasai Katasila said he suspected the armed group at the NBT station were not alliance members, as their actions were contrary to the PAD's strict policy of peaceful protests with no weapons.

Still, www.manager.co.th, the website of PAD core leader Sondhi Limthongkul, identified them as ''Srivijaya warriors'' working voluntarily as guards for the alliance.

About 100 police were called to the station and arrested the 82 suspects.

After a brief search, police found among the protesters one 11mm handgun, one shotgun and several knives of various kinds.

An hour later, there was a further break-in at the NBT as about 2,000 PAD-affiliated demonstrators also lay siege to the station and forced staff to again stop airing programmes.

They also cut electricity in the surrounding area.

About 8.55 am, police escorted a number of NBT staff from the building for fear that they might be attacked by demonstrators. Among the staff was NBT anchor Tuangporn Assawawilai.

Chaos erupted about 10.10am when TV Channel 3 anchor Kitti Singhapat arrived.

Jeering demonstrators threw punches and bottles at him before he was escorted from the station by PAD guards.

About 10am, the station resumed broadcasting, using mobile units.

About 500 PAD demonstrators marched from Makkhawan Rangsan bridge to block the entrance gate of the Metropolitan Police Bureau, as a number of NBT staff were being escorted there.

The protesters harangued the staff, calling for their expulsion. They also demanded the release of all 82 suspects.

The protest paralysed traffic in the area as protesters blocked all four lanes in front of the bureau.

Seizing the NBT was part of the PAD's latest strategy to bring down the government of Prime Minister Samak Sundaravej.

The most contentious NBT programme is Kwam Jing Wan Nee (Truth of Today), hosted by former Thai Rak Thai party executive Veera Musikapong, People Power party MP Jatuporn Promphan and deputy government spokesman Nattawut Saikua.

They have strongly criticised PAD leaders and organisations appointed by the Sept 19, 2006, coupmaker.

Somkiat Pongpaiboon, one of the five PAD leaders and a party-list MP of the opposition Democrats, said the siege was motivated by anger over the TV station being used as a government mouthpiece, despite it being funded by taxpayers' money.


http://www.bangkokpost.com/270808_News/27Aug2008_news05.php

วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2551

พันธมิตรฯ บุกพังรั้ว ยึดทำเนียบฯแล้ว!

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำผู้ร่วมชุมนุมนับพันคนจากบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ทยอยเดินเข้าไปภายในบริเวณทำเนียบรัฐบาลแล้ว หลังก่อนหน้านี้มีผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งปีนรั้วเข้าไปนั่งรวมตัวกันหน้าสนามหญ้าอย่างสงบจากนั้นได้เปิดประตูให้ผู้ชุมนุมที่เหลือเข้ามา


เวลาประมาณ 14.00 น. ผู้ร่วมชุมนุมที่อยู่ด้านถนนพิษณุโลก หน้าทำเนียบรัฐบาลปืนรั้วเข้าไปภายในทำเนียบรัฐบาลเป็นผลสำเร็จจากนั้นผู้ร่วมชุมนุมส่วนหนึ่งไปเปิดประตูเพื่อให้แกนนำพันธมิตรฯนำผู้ชุมนุมที่เหลือเดินเข้าไปสมทบ
เช้านี้ แกนนำพันธมิตรฯ กระจายกำลังผู้ร่วมชุมนุมนับหมื่นคน ปิดล้อมประตูทางเข้าทำเนียบรัฐบาลทุกด้านตั้งแต่เช้าตรู่วันนี้ พร้อมประกาศไม่ให้รัฐบาลเข้ามาประชุม ครม. หรือปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ทำให้นายกรัฐมนตรีต้องย้ายไปประชุม ครม. ที่กองบัญชาการกองทัพไทยถ.วิภาวดีรังสิต

เนชั่น

http://news.thaihealth.net/modules.php?name=News&file=article&sid=3448

ตร. ชี้พันธมิตรฯพยายามสร้างเงื่อนไขกดดันให้สลายการชุมนุม

พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกตำรวจ ระบุ การที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก่อเหตุบุกเข้าไปภายในสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมถึงสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ช่วงเช้าวันนี้เป็นเหตุการณ์ที่คาดไว้แล้ว แต่ตำรวจยืนยันว่า จะใช้ความอดทน อดกลั้น ต่อไปโดยไม่ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม


รองโฆษก สตช. กล่าวอีกว่า การที่กลุ่มพันธมิตรฯบุกเข้าไปในสถานที่ราชการหลายแห่งนั้น มองว่าเป็นความพยายามของพันธมิตรฯ ที่จะสร้างเงื่อนไขกดดันให้ตำรวจใช้กำลังสลายการชุมนุม เพื่อยกระดับความรุนแรง
"เราคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้น เขาต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลังสกัดกั้นหรือใช้กำลังปราบปราม และจะนำเอาประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมที่อาจจะได้รับบาดเจ็บ หรือได้รับอันตรายมาเป็นเงื่อนไขในการยกระดับความรุนแรงในการชุมนุม
เพื่อทำลายความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล" พล.ต.ต.สุรพล กล่าว
เขา กล่าวอีกว่า ตำรวจต้องอดทน อดกลั้นการยั่วยุในทุกๆ ที่ ที่กลุ่มพันธมิตรฯบุกเข้าไปรวมถึงกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) ด้วย
"ขณะนี้เราต้องดำรงความเชื่อมั่น ถ้าเราปล่อยอารมณ์เข้าครอบงำ ไม่อดทน อดกลั้นสังคมของเราอาจเผชิญกับความเลวร้ายมากกว่าครั้งใดๆ ของสังคมไทย...เราต้องไม่ให้เกิดความรุนแรงใดๆ พยายามไม่ให้เป็นเงื่อนไขให้สังคมเผชิญหน้ากับความรุนแรงมากไปกว่านี้" รองโฆษก สตช. กล่าว

คมชัดลึก



http://news.thaihealth.net/modules.php?name=News&file=article&sid=3445

พันธมิตร เล็งเปิดเวทีถาวรที่เอ็นบีที บช.น. เข้าสู่ภาวะปกติ

ความคืบหน้าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที)) ว่า ทางแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ประกาศจะใช้บริเวณแห่งนี้ เป็นเวทีปราศรัยแห่งที่ 2 ของการชุมนุม ขณะที่การจราจรบริเวณถนนวิภาวดีฯ ขาเข้ารถยนต์วิ่งได้เฉพาะเลนกลางเท่านั้น

มีรายงานว่า ทางกลุ่มพันธมิตรฯ พยายามปรับจูนคลื่นเพื่อออกอากาศ และหลังจากสถานีเอ็นบีที ส่งสัญญาณออกอากาศ จากรถถ่ายทอดสด มาจากบริเวณกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ และน.ส.ตวงพร อัศววิไล ได้ ผู้ดำเนินรายการได้ประมาณ 1 ชั่วโมง

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า กลุ่มพันธมิตรฯ เดินทางมาปิดล้อมกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ทำให้ถนนศรีอยุธยาถูกปิดไปโดยปริยาย โดยมีจุดประสงค์เพื่อมาขับไล่ทีมข่าวของเอ็นบีทีที่มาใช้พื้นที่ รายงานสด และเรียกร้องให้ปล่อยตัว 80 กลุ่มพันธมิตรฯ ที่ถูกจับกุม

ล่าสุด พันธมิตรฯ ได้พังประตูรั้วเข้าไปภายใน บช.น.ได้แล้ว ยืนยันขอคำตอบที่ชัดเจนเรื่องการปล่อยตัว 80 พันธมิตร โดย พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. ลงมาเจรจาด้วยตัวเอง โดยยังไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงใดๆ และสถานการณ์ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วหลังรถรายงานสดของเอ็นบีทีและทีวีไทยออกจาก บช.น.แล้ว และถูกกักไว้ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ที่กองบัญชาการกองทัพไทย ถ.แจ้งวัฒนะ สถานที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในขณะนี้ การรักษาความปลอดภัยมีความเข้มงวดมากกว่าปกติ จากทุกวันที่มีการใช้กำลังทหารรักษาความปลอดภัยเพียง 1 กองร้อย เพิ่มขึ้นเป็น 1-2 หมวด นอกจากนั้น ยังมีการเสริมกำลังตำรวจจากหน่วยต่าง

ไทยรัฐ


http://news.thaihealth.net/modules.php?name=News&file=article&sid=3444

วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2551

พปช.รอวันแตก! ‘ประดาบ’เลือกยืนข้างหมัก อัดพวกเดียวกันเองยับ

ผู้จัดการออนไลน์ – ข้อเขียนคอลัมนิสต์แฟนพันธุ์แท้ทักษิณอัดพวกเดียวกันเอง “รักทักษิณแต่ปาก” ระบุก๊กก๊วนการเมืองในพลังประชาชนร้าวลึก เหตุตีกันนัวเพราะผลประโยชน์ไม่ลงตัว แบ่งแยกสายตรงทักษิณแท้-เทียม ระบุตอนนี้ต้องยืนข้างสมัครเพราะทักษิณเลือกแล้ว ชี้เพื่อไทยยังไงก็ไม่แข็งเท่าพลังประชาชน

วานนี้ (24 ส.ค.) คอลัมนิสต์และอดีตผู้จัดทำเว็บไซต์ไฮ-ทักษิณ ที่ใช้นามปากกว่า “ประดาบ” ได้เขียนบทความเรื่อง คนรักทักษิณ…จริงหรือ? เผยแพร่ในเว็บไซต์รากหญ้าไทย thai-grassroots.com ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเว็บไซต์ที่ผุดขึ้นเพื่อตอบสนองเจตนารมย์ของเว็บไซต์ไฮ-ทักษิณ ที่ปิดตัวไปตั้งแต่ต้นปี 2551 เนื่องจากถูกเพ่งเล็งว่ามีการโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและสถาบันองคมนตรีอย่างรุนแรง

สำหรับบทความเรื่อง “คนรักทักษิณ…จริงหรือ?” นั้นมีเนื้อหาโจมตีนักการเมืองกลุ่มต่างๆ ในพรรคพลังประชาชนที่ในช่วงหลังมีการขัดผลประโยชน์จนออกมาโจมตีกันเอง ออกมาแสดงท่าทีต่อรองทางการเมืองด้วยการแฉพฤติกรรมการทุจริตของคนในพรรค รวมถึงการออกไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ที่ชื่อ พรรคเพื่อไทยของกลุ่ม คนใกล้ชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรด้วย โดยเนื้อหาตอนหนึ่งมีดังนี้

“… คนรักทักษิณ อย่าง ศักดา คงเพชร และ ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ที่ถ่มน้ำลายใส่รัฐบาล และ พรรคพลังประชาชน จนเหม็นโฉ่ไปทั่วบ้านทั่วเมือง เพียงเพราะอกหักจากการไม่ได้เก้าอี้รัฐมนตรี มารองก้น

“คนรักทักษิณ อย่าง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และ เฉลิม อยู่บำรุง ที่อยู่เบื้องหลังการตอกลิ่มใส่พรรคพลังประชาชน จนแตกแยกเป็นหลายเสี่ยง เพียงเพราะ ผิดหวังจากการปรับคณะรัฐมนตรี ที่ไม่ได้เก้าอี้รัฐมนตรีสมดังใจ

“คนรักทักษิณ อย่าง ยงยุทธ ติยะไพรัช และ พงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล ที่จุดไฟเผาพรรคพลังประชาชน เพื่อกวาดต้อนสมาชิก ไปอยู่พรรคเพื่อไทย ส่งผลให้พรรคพลังประชาชน กลายเป็นอกแตก เช่นทุกวันนี้ เพียงเพราะไม่สามารถแทรกตัวเข้าไปชี้นิ้ว มีอิทธิพลเหนือรัฐบาล ได้

“คนรักทักษิณ อย่าง สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และ เนวิน ชิดชอบ ที่ไม่ยอมปริปากพูด ไม่ยอมไขปริศนา "จริงคือลวง" และ "ลวงคือจริง" อะไรจริง และ อะไรลวง แต่กลับแบกรับทุกคำกล่าวหา ไม่ว่าหนักหนาสาหัสแค่ไหนไว้กับตัว จนกระทั่งความสัตย์ดูขมุกขมัว ในขณะที่ความน่ากลัวคืบคลานเข้าครอบคลุม

“จริงอยู่ การแสดงความรักที่มีต่อทักษิณ แสดงออกได้หลายแบบ

“ทุกคน ทุกชื่อที่เอ่ยถึง ต่างยืนยันว่าทำไปด้วยความรักที่มีต่อทักษิณ

“แต่..ความรักที่แท้จริง ไม่น่าจะเป็นความรักที่เป้าประสงค์เพื่อการทำลายล้าง และไม่น่าจะเป็นความรักที่ทำให้ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันต้องขาดสะบั้น ความสัมพันธ์อันดีต้องพังทลาย กระทั่งเป้าหมายของทักษิณ ต้องสูญสลายไปด้วย …” ประดาบเขียนตัดพ้อ

นอกจากนี้ผู้ที่ใช้นามปากกาว่าประดาบยังแสดงความเห็นว่า กลุ่มการเมืองทุกกลุ่มในพรรคพลังประชาชนต้องให้ความเคารพและเชื่อฟังนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ผู้รับเป็นหัวหน้าพรรคตามคำขอร้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ และรักษาพรรคเอาไว้ โดยเขาเห็นว่าไม่ว่าจะอย่างไร พรรคเพื่อไทยที่จะตั้งขึ้นใหม่ก็คงไม่มีความเป็นปึกแผ่นเท่าพรรคพลังประชาชนในปัจจุบันที่สืบทอดเจตนารมย์มาจากอดีตพรรคไทยรักไทยแน่นอน

สำหรับบทความชิ้นดังกล่าวของประดาบถือเป็นสัญญาณที่ตอกย้ำว่าขณะนี้ภายในพรรคพลังประชาชนกำลังประสบปัญหาความขัดแย้งอย่างหนักจากการแตกกันของกลุ่มการเมืองต่างๆ จนทำให้ เครือญาติที่ถือเป็น “สายตรง” ของ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ว่าจะเป็นน้องสาวและน้องเขย นางเยาวภา-นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ น้องสาวคนสุดท้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องนัดกับกลุ่มการเมืองในพรรคเพื่อปรับความเข้าใจหลายครั้งในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา

ประกอบกับ เหตุการณ์ที่สัปดาห์ที่แล้วในการประชุมพรรคพลังประชาชน นายสมัครได้ออกมาพูดขู่ว่าอาจจะมีการยุบสภา หาก ส.ส.ในพรรคล่ารายชื่อเพื่อกดดันตัวเขาอีกด้วย


http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?newsid=9510000100059

“สมเกียรติ” แฉระบอบ “แม้ว” โกงภาษี 3.4 หมื่นล้าน - “หมัก” แหกโผเลือกเกียกกายสร้างสภา

“สมเกียรติ” ชี้ 26 ส.ค.วัน “ครม.หมัก” ตายหมู่เพราะพลังของประชาชน พร้อมเปิดโปงระบอบทักษิณหนีภาษียอกรวมกว่า 3.4 หมื่นล้าน เมื่อรวมกับคดีทุจริต 24 คดี รวมยอดโกงชาติไปกว่า 2 แสนล้าน เป็นฝันร้ายคอยหลอกหลอนคนไทย ขณะอาชญากรแผ่นดินหนีลอยนวลไปแล้ว ทิ้งซากเน่าในสรรพากรและกรมประชาฯ คอยช่วยปกป้อง เผยผลศึกษาสถานที่สร้างสภาใหม่ เคยเสนอ 5 จุด “หมัก-ปูชัย” ไม่เลือก แหกโผไปเลือกเกียกกาย เสียค่าเวนคืนอาน

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.วันที่ 24 ส.ค. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยได้กล่าวถึงนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีว่าวันนี้รู้สึกท่าทางหงอยๆ ไม่ค่อยกล้าพูดถึงพันธมิตรฯ เพราะวันสุดท้ายของเขาใกล้มาถึงแล้ว วันที่ 26 ส.ค.เป็นวันที่สำคัญมาก เพราะหลังจากนั้นเราจะทำสถิติให้ได้เท่ากับสมัชชาคนจนที่ชุมนุม 99 วัน พอวันที่ 100 เราก็จะทำพิธีส่งศพคณะรัฐมนตรีหุ่นเชิดขายชาติทันที

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า กระนั้นก็ตาม วันที่ 17 ก.ย.นี้ ก็เป็นวันสำคัญ เพราะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะพิพากษาคดีแรกของทักษิณ และพจมาน (คดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ) และล่าสุดมีข่าวด่วนมาว่า วันที่ 25 ก.ย.นี้ ศาลอุทธรณ์นัดนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ฟังคำพิพากษาคดีหมิ่นประมาทนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา ซึ่งถ้าศาลอุทธรณ์พิพากษายืน นายสมัครจะต้องขนของกลับบ้านทันที และเข้าไปอยู่ในคุก

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ตนได้เคยพูดไว้แล้วว่าเดือนกันยายนจะเป็นเดือนแห่งการสังหาร เป็นการสังหารเฉพาะสมัคร สุนทรเวช และทักษิณ แต่วันที่ 26 ส.ค.เป็นการสังหารแบบตายหมู่

นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า วันจันทร์นี้ ตอน 2 ทุ่ม แกนนำทั้ง 5 จะขึ้นเวที และวันนั้นจะไม่นอน จะรอต้อนรับพี่น้องพันธมิตรฯ ตั้งแต่ตี 3 โดยจะขึ้นเวทีตั้งแต่ตี 3 ถึง 7 โมงเช้า จึงขอแสดงความเคารพและวิงวอนพี่น้องสละเวลาอันมีค่าของท่านมากู้ชาติ มาสถาปนาการเมืองใหม่ร่วมกัน วันนั้นจะเป็นวันประวัติศาสตร์ที่เขียนด้วยมือของประชาชนเอง

นายสมเกียรติ กล่าวว่า เมื่อวานนี้มีข่าวดี กรมสรรพากรที่อธิบดีถูกไล่ออกเป็นคนแรกกรณีที่ช่วยทักษิณไม่ต้องเสียภาษี นี่มาอีกแล้วเป็นรองอธิบดีหญิง ได้ทำหนังสือขอถอนเงินจาก ธ.ไทยพาณิชย์ 1.2 หมื่นล้าน เอามาไว้ที่สรรพากร วันนี้เขาดัดจริตพูดว่า ถ้าภายใน 15 วัน ธ.ไทยพาณิชย์ ไม่เอามาไว้ที่สรรพากร เขาจะเล่นงานตามกฎหมาย

“ขั้นตอนของเขาเป็นอย่างนี้ครับ เขาจะถอนเงินจาก ธ.ไทยพาณิชย์เอามากองไว้ที่สรรพากร แล้วเขาก็จะประชุมคณะกรรมการอุทธรณ์ภาษี ถ้าคณะกรรมการอุทธรณ์บอกว่า ไม่ต้องเสีย เงิน 12,000 ล้านนั้นก็คืนให้โอ๊คและเอมไปเลย แล้วพี่น้องจะเชื่อถือคณะกรรมการของกรมสรรพกรหรือไม่ ขนาดทำแล้ว ศาลอาญายังพิพากษาจำคุกพจมานและบรรณพจน์เลย ที่บอกว่าไม่ต้องเสียภาษี แต่ศาลเห็นต่างว่าต้องเสีย ยังดีที่ฟ้ามีตา สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ การเอาเงินออกมาจากไทยพาณิชย์ทำไม่ทันเวลา”

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ในรายงานของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียแก่รัฐ (คตส.) นั้น ระบอบทักษิณยังค้างภาษีอยู่ 34,359 ล้านบาท ที่ยังไม่จ่าย แบ่งเป็นคดีที่ 1.คุณหญิงพจมาน ชินวัตร และนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ หนีภาษีการซื้อขายหุ้น บ.ชินวัตรคอมพิวเตอร์ฯ 546 ล้านบาท ศาลพิพากษาจำคุกไปแล้วคนละ 3 ปี คดีที่ 2.นายพานทองแท้ และนางสาวพิณทองทา ชินวัตร มีภาระภาษีที่ต้องชำระ กรณีซื้อหุ้น (ชินคอร์ป) จากแอมเพิลริช 1 บาท ก่อนที่จะเอาไปขายในราคาหุ้นละ 49.25 บาท ต้องเสียภาษี 11,808 ล้านบาท นี่คือ 12,000 ล้านบาท ที่อายัดไว้ แล้วกรมสรรพากรวางแผนชั่วร้ายที่จะเอาคืนมา ภายใต้การออกแบบของรัฐมนตรีขายชาติสุนัขรับใช้ของระบอบทักษิณ

ภาษีตัวที่ 3. กรมสรรพากรยังไม่สนใจรื้อขึ้นมาเลยเพราะห่วงเอาเงินจาก ธ.ไทยพาณิชย์มาก่อน ภาษีตัวนี้คือการขายหุ้น (ชินคอร์ป) จากแอมเพิล ริช ที่ได้รับมาในราคา 1 บาท แต่ราคาขายในตลาดหุ้นละ 49.25 บาท มีภาระภาษีที่ต้องชำระ 20,923 ล้านบาท แต่กรมสรรพากรยังเฉยไม่คิดจะตามเก็บ และ ภาษีตัวที่ 4.บริษัทชินแซทเทลไลต์ จำกัด รับค่าสินไหมทดแทนกรณีนำดาวเทียมไทยคม 3 ไปซ่อมโดยไม่ส่งเงินค้ำประกันให้รัฐ มีภาษีที่ต้องชำระ 1,082 ล้านบาท เรื่องนี้ยังไม่มีการพูดถึงเลย

ทั้ง 4 กรณี ศาลเพิ่งพิพากษาคดีหนีภาษี 546 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้จะโทษศาลไม่ได้ เป็นเพราะคนไม่นำเรื่องฟ้องศาลต่างหาก กรณีนี้คนที่ไม่นำฟ้องศาลคือกรมสรรพากร แล้วรองอธิบดีกรมสรรพากรที่เป็นผู้หญิงที่มีหนังสือไปที่ธนาคารก็เปลี่ยนชื่อ เมื่อก่อนเคยช่วยเหลือกันมาตลอดกับระบอบทักษิณ วันนี้กรมสรรพากรเป็นองค์กรที่ขายชาติเบื้องต้น

กรณีการขายหุ้นชินคอร์ปฯ ให้กับเทมาเส็ก พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เคยเขียนจดหมายเปิดผนึกถึง พ.ต.ท.ทักษิณให้เสียภาษี แต่จนวันนี้ก็ยังไม่เสียภาษีสักบาท เพียงแต่อายัดไว้ 12,000 ล้าน กรมสรรพากรก็คิดแผนชั่ว จะเอามาไว้ที่สรรพากรแล้วให้คณะกรรมการอุทธรณ์ภาษีมีมติว่าไม่ต้องเสียภาษี ก็คืนให้เลย ก็จบเลย

นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า ตอนนี้คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณและระบอบทักษิณมี 24 คดี รวมภาษี 4 คดีนี้ไปด้วย รวมมูลค่าประมาณ 200,000 ล้านบาท เป็นคดีเก่าที่เป็นฝันร้ายและหลอนคนไทยตลอดมา แต่ตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้ หนีไปเรียบร้อยแล้ว ทิ้งให้ซากเน่าในกรมสรรพากร ซากเน่าในกรมประชาสัมพันธ์ช่วยกันดูแล ในขณะนี้ได้เตรียมแผนไว้ 2 แผนในสภาคือ 1.ออกกฎหมายนิรโทษกรรม โดยฝ่ายบริหารคือนายสมัคร เสนอได้เลย 2.แก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งทั้งสองเรื่องทำไม่ทัน เพราะเขาจะสิ้นสุดในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ ตามการเป่านกหวีดครั้งสุดท้าย ของพันธมิตรฯ

นายสมเกียรติได้เล่าเรื่องการสร้างรัฐสภาใหม่ว่า พรุ่งนี้เช้าจะไปที่โรงเรียนโยธินบูรณะ ตนคงไปไม่ได้ เพราะมีนัดที่ศาลกรณี ส.ส.คนหนึ่งมาถีบ ส่วนจะมีข่าวอย่างไรหนังสือพิมพ์ทีวีคงออก

หลังจากนั้น นายสมเกียรติได้อ่านเอกสารสภาผู้แทนราษฎรที่ 3343/2548 วันที่ 7 กันยายน 2548 เรื่อง การเลือกพื้นที่ก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ เสนอต่อประธานรัฐสภา ที่คณะกรรมการซึ่งมีนายโสภณ เพชรสว่าง เป็นประธาน และกรรมการทั้งหมด 17 คน ไปศึกษา สรุปว่า มติที่ 1. การสร้างรัฐสภาควรสร้างในสถานที่ 3 แห่งดังต่อไปนี้ 1.โรงงานไทเมล่อน เท็กซ์ไทล์ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เนื้อที่ 616 ไร่ เป็นกรรมสิทธิของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด ธนาคารกรุงเทพ และ ไทธนาคาร หมายความว่าเป็นทรัพย์สินเอ็นพีแอล สามารถซื้อมาได้ในราคาถูก มีการศึกษาอย่างรอบคอบเป็นเอกสาร 100 กว่าหน้า

จุดที่ 2 เป็นที่หลวง คือ กองคลังแสง กรมสรรพาวุธทหารบก อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เนื้อที่ 260 ไร่ ตรงนี้เหมาะ เพราะไม่มีสิ่งปลูกสร้างมาก เมื่อสร้างจะราคาถูก ไม่กี่พันล้านบาท และ พื้นที่ 3 โครงการสุวรรณภูมิซิตี้ บางบ่อ สมุทรปราการ เนื้อที่ 400 ไร่ มีคนบริจาคให้ฟรี

ต่อเมื่อนายสมัครมามีอำนาจ นายสมัครจะไปสร้างที่คลองเตย อยากสร้างที่บริเวณท่าเรือคตลองเตย แต่ลุ้นอย่างไร กรรมาธิการในสภาก็ไม่เอา หลังจากนั้น มี ส.ส.กลุ่มหนึ่ง คือนายนิสิต สินธุไพร นายไพจิต ศรีวรขาน จากพรรคพลังประชาชน และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ไปดูที่กรมสรรพาวุธทหารบก ปากเกร็ด เมื่อเดือนที่ผ่านมา ปรากฏว่า เหมาะสมที่สุด กว้างขวาง ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ไปเสนอนายชัย ชิดชอบ ตกลงเสนอ 5 ที่ แต่เวลา นายสมัครกับนายชัยเลือก กลับไม่เอาที่ 1-5 ไปเอาพื้นที่ที่ 6 ที่เกียกกาย

“แล้วเอาตรงนี้ ใช้วิธีไหน 1.เฉพาะโรงเรียนนี่ เรารื้อแล้วให้ไปพันล้าน พันล้านแล้วย้ายไปนิดหน่อย แค่ 1,700 เมตร เด็กคนเดินแล้วคงไม่ตายหรอก แค่เกือบ 2 กิโล แล้วก็ให้ที่ดินมากขึ้นอีก แล้วพวกนั้นเราก็รื้อ ก็จ่ายค่ารื้อไป จ่ายค่าเวนคืนไป งวดแรกจะจ่ายแค่ 4 พันกับ 8 ล้าน งวดที่ 2 งวดที่ 3 เราจะผูกพันงบประมาณไปเรื่อยๆ จนถึงประมาณ 2 หมื่นล้าน สภาแห่งความอัปยศก็จะเกิดขึ้นในเมืองไทย”

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า แม้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง จะบอกว่าในการไปที่ ร.ร.โยธินบูรณะวันพรุ่งนี้ ไม่ต้องไปมาก เพื่อเก็บกำลังเอาไว้วันที่ 26 แต่ ก็ไม่ควรจะไปน้อยเกินไป น่าจะไปสัก 5 พันคน เพื่อไปให้กำลังใจลูกหลานสำหรับการปราศรัยบนเวทีในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นวันสุกดิบจะมีการตระเตรียมเป็นอย่างดี เพื่อพูดให้ละเอียด โดยตนจะพูดถึงความชั่วร้ายของระบอบทักษิณ หลังจากนั้นจะเสนอข้อเสนอว่า ถ้าประชาชนชนะ จะเอาอะไร คืนมา เช่น เอา ปตท.คืน จะเสนอเป็นชุดให้ประชาชนทราบ



http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?newsid=9510000100066

“ภูวดล” จวก “ระบอบแม้ว” ทำสังคมไทยเสื่อมทุกด้าน

“ดร.ภูวดล” ชี้ระบอบทักษิณทำสังคมไทยเสื่อมทุกมิติ นักการเมืองมีแต่พวกหลอกลวง คอยหาประโยชน์จากเงินงบประมาณ ขณะ ครม.เต็มไปด้วยมหาโจรที่สร้างภาพใหม่ให้ดูดีกว่าเดิม ข้าราชการหลงติดวัตถุ คอยแต่จะรอรับสินบน ชี้รัฐสภาเป็นเหมือนบ่อนการพนันของนักการเมืองข้าราชการ

เมื่อเวลา 23.20 น.วันที่ 24 ส.ค. ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ขึ้นเวทีปราศรัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ กล่าวว่าถึงการชุมนุมของพันธมิตรฯ ตลอด 90 วันเต็มที่ผานมาว่า ยังไม่สามารถสาธยายความบัดซบของรัฐบาลชุดนี้ได้ทั้งหมด เพราะความบัดซบนั้นมีอยู่ทุกมิติ เริ่มตั้งแต่มิติการเมือง ที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย ก็ได้มาจากการซื้อเสียง มอมเมาประชาชนผู้ยากไร้ให้เข้าไปในคูหาแค่ 4 วินาที แล้วก็ได้นักการเมืองหัวคะแนนรวมหันกันเป็นเสียงส่วนใหญ่ในสภา คนเหล่านี้ไม่ควรจะได้เข้าไปประชุมในสถานที่ที่อยู่ใกล้พระที่นั่ง คนพวกนี้น่าจะไปประชุมกันอยู่ในส้วมด้วยซ้ำ เพราะไม่มีราคาอะไรเลย

เมื่อมาดูที่ ครม.ก็เป็นพวกมหาโจรจอมโกงในอดีตที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ ทำตัวเป็นเจ๊กผู้ดีขึ้นมา ในขณะที่กำพืดก็ยังเป้นพวกที่กินไม่เช็ดปาก ส่วนนักการเมืองพันธุ์ลาวข้าวเหนียวก็ตัวเป้นสัปเหร่อหากินกับโครงการต่างๆ อย่างไม่ละอาย ทั้งๆ ที่ภูมิหลังมาจากนักฉวยโอกาส นักตีกินตามระบบทักษิณเท่านั้น ระบอบทักษิณได้สร้างวัฒนธรรมทางการเมืองชั่วเอาไว้ว่า ถ้ากินเป็นโกงเป็น หลอกลวงประชาชนเป็นก็สามารถใส่สูทเข้าสภาได้

ข้าราชการต่างๆ 10 ปีที่ผ่านมาหลงมูมมาม มัวเมากับวัตถุ ชีวิตของเขาอยู่ได้ด้วยวัตถุ 10 ปีก่อน กินเบียร์ยังไม่เป้นเลย วันนี้ข้าราชการบัดซบทั่วไทย กินไวน์เหมือนกินน้ำ สิ้นปีก็รอให้คนที่จะให้สินบนเอาไวน์มาให้ ทั้งที่เขาหลอกเอาไวน์ถูกๆ มาให้

ดร.ภูวดล ยังกล่าวด้วยว่า การผลักดันให้มีการสร้างรัฐสภาห่งใหม่นั้น เปรียบเสมือนเป็นการสร้างบ่อนการพนันที่มีนักการเข้ามาหาผลประโยชน์กัน โดยรัฐสภาในปัจจุบันนี้ มีบุคลที่สวมเสื้อนอกเป็นนักการเมืองและข้าราชการ เข้าไปรอรับงบประมาณ เพื่อไปดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจและหาผลประโยชน์ให้แก่ตนเอง

ทั้งนี้ ดร.ภูวดล กล่าวตอ่ว่า ถือเป็นเรื่องที่เลวร้ายในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมาที่มีระบอบทักษิณเข้าไปกัดกร่อนบ้านเมืองอย่างรุนแรง จนส่งผลให้ระบอบการปกครองต่างๆ ในบ้านเมืองเสียหาย เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ไม่เข้าไปจัดการเรื่องการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่เกิดขึ้นอยู่ และส่งผลต่อการทำลายวัฒนธรรมของประเทศ

นอกจากนี้ยังกล่าวทิ้งทายว่า สังคมในปัจจุบันนี้ต้องสอนลูกหลานให้รู้จักเรื่องที่ถูกและเรื่องที่ผิด รวมทั้งต้องสอนเยาวชนให้ก้าวหน้า ขณะเดียวกันจะต้องไม่มีอาจารย์ที่คอยรับผลประโยชน์จากการกวดวิชาให้แก่นักเรียน ที่ปัจจุบันมีอยู่อย่างมากมาย


http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?newsid=9510000100055